• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บ.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Chigaru

#3361

บมจ.โพลีเน็ต (POLY) กำหนดราคาขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) จำนวนไม่เกิน 120 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ในราคาเสนอขายหุ้นละ 6.80 บาท แบ่งเป็น

จำนวนไม่เกิน 85 ล้านหุ้น เสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป
จำนวนไม่เกิน 5 ล้านหุ้น เสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน
จำนวนไม่เกิน 18 ล้านหุ้น เสนอขายให้แก่ผู้มีอุปการะคุณของบริษัท
จำนวนไม่เกิน 12 ล้านหุ้น เสนอขายให้แก่กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท
ทั้งนี้ ระยะเวลาจองซื้อ วันที่ 9-11 พ.ย. 65 โดยมี บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

นางสาวสุวิมล ศรีโสภาจิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า POLY ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นไอพีโอ (IPO) จำนวน 120,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1 บาท/หุ้น ที่ราคาหุ้นละ 6.80 บาท/หุ้น เปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 9-11 พฤศจิกายนนี้ คาดเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2565 หมวดธุรกิจ ยานยนต์ (AUTO) ในชื่อย่อหลักทรัพย์ว่า "POLY"

สำหรับราคาหุ้นสามัญที่เสนอขายหุ้นละ 6.80 บาท ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) เท่ากับ 15.0 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลการดำเนินงานในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด (ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2565) ทั้งนี้ POLY พิจารณานำ P/E ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของคู่เทียบกลุ่มยานยนต์ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในช่วง 30-90 วันทำการ นับจากวันที่ 15 มิถุนายน 2565 ถึงวันที่ 27 ตุลาคม 2565 มาเป็นข้อมูลประกอบการเปรียบเทียบ ซึ่งมีค่าถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของ P/E อยู่ระหว่าง 22.0 - 24.7 เท่า

วันนี้ POLY ได้จัดงานโรดโชว์นำเสนอข้อมูลสรุปการเสนอขายหุ้น IPO ต่อนักลงทุนรายย่อย ชูปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของธุรกิจ และจุดเด่นของ POLY ในด้านประสบการณ์ของทีมผู้บริหารกว่า 20 ปี มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจชิ้นส่วน ยาง พลาสติก และซิลิโคน อย่างครบวงจร สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าหลักที่มีการเติบโตต่อเนื่อง ได้แก่ กลุ่มยานยนต์ (Automotive) กลุ่มเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ (Medical) และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Products) เพื่อตอบรับกระแสรักสุขภาพและรักษ์โลกขณะที่ การเติบโตอย่างยั่งยืนของรายได้ และศักยภาพการทำกำไรที่ดี สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน และเล็งเห็นโอกาสจากการระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจในครั้งนี้ ให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

นางกาญจนา เหลารัตนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร POLY เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนประมาณ 785 ล้านบาท (หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง) เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ 370 ล้านบาท ใช้สำหรับจ่ายคืนหนี้สินเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน 320 ล้านบาท และใช้สำหรับลงทุนในโครงการขยายโรงงานและลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเติม 95 ล้านบาท ตามโครงการในอนาคต เพื่อรองรับโอกาสทางธุรกิจ เพิ่มศักยภาพในการเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไป

โครงการในอนาคตของ POLY ประกอบด้วย โครงการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ (พลาสติก) ในอาคารผลิต โรงงานที่ 1 สนับสนุนกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 550 ตันต่อปี (เพิ่มขึ้นประมาณ 16.6% จากกำลังการผลิตทั้งหมดในปี 2564) แบ่งเป็น ค่าปรับปรุงบริเวณสายการผลิต ค่าระบบสาธารณูปโภค 19.5 ล้านบาท และเครื่องจักรผลิตตั้งแต่ 250 ตันถึง 650 ตัน จำนวน 11 เครื่อง เครื่องมืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง รวม 124.1 ล้านบาท ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ IRR 19% คาดจำนวนปีที่คืนทุน ประมาณ 5 ปี

ทั้งนี้ ปัจจุบัน POLY มีโรงงาน 2 แห่ง อยู่ที่ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ณ สิ้นปี 2564 กำลังการผลิต 2 โรงงาน รวมประมาณ 3,300 ตันต่อปี อัตราการใช้กำลังการผลิตรวมประมาณ 60% ขณะที่ไตรมาส 2/2565 อัตราการใช้กำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 70%

ด้วยกลยุทธ์ ของ POLY มุ่งเน้นเรื่องคุณภาพของสินค้าและบริการ รวมถึงการคิดค้นนวัตกรรมการผลิตใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มความสามารถในการทำกำไร จึงตั้งเป้ามีสัดส่วนรายได้จาก 3 ธุรกิจหลัก ในสัดส่วนเท่าๆ กัน โดยจะลดสัดส่วนรายได้จากกลุ่มยานยนต์ (Automotive) ให้ต่ำกว่า 50% ภายในระยะเวลา 1-2 ปี โดยไม่ลดปริมาณรายได้จากการขาย และตั้งเป้าให้สัดส่วนรายได้จากการขายในกลุ่มเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ (Medical) และสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Products) มีสัดส่วนใกล้เคียงกันภายในระยะเวลา 3-5 ปีจากนี้ นอกจากนี้ เตรียมพร้อมสำหรับขยายไปยังอุตสาหกรรมที่เป็นโอกาสที่มีความยั่งยืน

ปัจจุบันอัตรากำไรขั้นต้นแบ่งตามกลุ่มผลิตภัณฑ์คือ ยานยนต์ (Automotive) ที่ 20% กลุ่มเครื่องมือแพทย์ (Medical) ที่ 60% และ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Products) ที่ 25% โดยในอนาคตบริษัทคาดว่าสัดส่วนรายได้จากกลุ่ม Consumer Products และกลุ่ม Medical จะเพิ่มขึ้นเป็น 70% และกลุ่ม Automotive จะอยู่ที่ 30% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนรายได้จากกลุ่ม Automotive มากกว่า 50%

"เรามีแผนที่จะเร่งการเติบโตไปในกลุ่ม Consumer Products และ กลุ่ม Medical เนื่องจากมีมาร์จิ้นค่อนข้างสูง และในอนาคตบริษัทก็มีความหวังที่จะย้ายหมวดธุรกิจไปยังกลุ่มการแพทย์ด้วย" นางกาญจนา กล่าว
สำหรับภาพรวมรายได้ในปี 66-68 จะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ 25-30% ต่อปี ด้วยขยายตลาดไปยังกลุ่มอุปกรณ์การแพทย์และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มการเติบโตที่สูง

ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562-2564) บริษัทมีรายได้รวม 581.7 ล้านบาท 523.2 ล้านบาท และ 787.1 ล้านบาท ตามลำดับ เนื่องจากการขยายธุรกิจเข้าสู่กลุ่มอุปกรณ์การแพทย์และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง และปรับกลยุทธ์ในด้านกำลังการผลิตใหม่ ส่งผลให้กำไรสุทธิอยู่ที่ 13.1 ล้านบาท 21.8 ล้านบาท และ 120.9 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์และอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้น รวมทั้ง การใช้กำลังการผลิตโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากปีก่อน มีอัตราส่วนกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 17.7% 19.2% และ 28.3% อัตรากำไรสุทธิ 2.3% 4.2% และ 15.4% ตามลำดับ

"กำไรสุทธิในปี 64 เติบโตได้อย่างก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับปี 63 ได้รับปัจจัยหนุนจากการยกเลิกการเซ็นสัญญากับลูกค้า 1 ราย ส่งผลให้บริษัทสามารถออกมารับงานใหม่ๆทั้งในกลุ่มอุปกรณ์การแพทย์และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีมาร์จิ้นสูงได้มากยิ่งขึ้น และ หลังจากนี้บริษัทจะเน้นการผลิตสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงเป็นหลัก"นางกาญนา กล่าว
ด้านผลประกอบการงวดครึ่งปีแรกของปี 2565 รายได้รวมอยู่ที่ 527 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% กำไรสุทธิอยู่ที่ 78.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.9% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
#3362
ทัวร์อียิปต์ ปิรามิด พวกเราเป็นบริษัทนำเที่ยว พาท่านไปท่องเที่ยวทั่วโลก ราคาย่อมเยา ปี2565 -2566 ทัวร์อียิปต์ ปิรามิด ทัวร์คุ้มค้าเงินที่ท่านจ่ายไป เดืนทางไม่เป็นอันตราย มีไกด์ดูแลตลอดเส้นทาน ทัวร์อียิปต์ ปิรามิด เรามีอาหารและก็อาหารว่างตลอดการเดินทาง ทัวร์อียิปต์ ปิรามิด พวกเราจัดกลุ่มเหมา ท่องเที่ยวแบบส่วนตัว รับทำ วีซ่า ทุกประเทศ
#3363
ซิลิโคนฝังชิพ สถานพยาบาล เป็นคลินิกเวชศาสตร์เฉพาะทางด้านศัลยศาสตร์ตกแต่ง ที่ได้รับ ซิลิโคนฝังชิพ การยืนยันประสิทธิภาพให้เป็นคลินิกที่ตามมาตรฐานทางการแพทย์ ซิลิโคนฝังชิพ ที่มีห้องผ่าตัดขนาดใหญ่เทียบเท่าโรงหมอโดยกระทรวงสาธารณสุข เปิดให้บริการด้านศัลยกรรมตกแต่งโดยหมอ จบบอร์ดเฉพาะทาง แล้วก็ เสริมความสวยงาม ด้านผิวพรรณ ภายใต้การดูแลโดย พันตรีนายแพทย์ ธีรภัทร์ ดวงใจประสาท อาจารย์แพทย์ ซิลิโคนฝังชิพ เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง มีความตั้งอกตั้งใจให้บริการทุกท่าน
#3364

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดพุ่งในวันนี้ โดยได้แรงซื้อจากหุ้นกลุ่มบริษัทเทรดดิ้งของญี่ปุ่น หลังจากบริษัทเหล่านี้รายงานผลประกอบการแข็งแกร่ง นอกจากนี้ นักลงทุนยังเกิดความหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่ลดลงในการประชุมครั้งต่อ ๆ ไปอีกด้วย

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 27,527.64 จุด พุ่งขึ้น 327.90 จุด หรือ +1.21%

หุ้นที่ปรับตัวขึ้นในวันนี้นำโดยหุ้นกลุ่มเหล็กและเหล็กกล้า, กลุ่มผลิตภัณฑ์โลหะ ตลอดจนกลุ่มการขนส่งทางทะเล

โพลีเน็ต เคาะราคา IPO ที่ 6.80 บ./หุ้น เปิดจองซื้อ 9-11 พ.ย. เทรด 16 พ.ย.

บมจ.โพลีเน็ต (POLY) กำหนดราคาขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) จำนวนไม่เกิน 120 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ในราคาเสนอขายหุ้นละ 6.80 บาท แบ่งเป็น

จำนวนไม่เกิน 85 ล้านหุ้น เสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป
จำนวนไม่เกิน 5 ล้านหุ้น เสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน
จำนวนไม่เกิน 18 ล้านหุ้น เสนอขายให้แก่ผู้มีอุปการะคุณของบริษัท
จำนวนไม่เกิน 12 ล้านหุ้น เสนอขายให้แก่กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท
ทั้งนี้ ระยะเวลาจองซื้อ วันที่ 9-11 พ.ย. 65 โดยมี บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

นางสาวสุวิมล ศรีโสภาจิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า POLY ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นไอพีโอ (IPO) จำนวน 120,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1 บาท/หุ้น ที่ราคาหุ้นละ 6.80 บาท/หุ้น เปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 9-11 พฤศจิกายนนี้ คาดเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2565 หมวดธุรกิจ ยานยนต์ (AUTO) ในชื่อย่อหลักทรัพย์ว่า "POLY"

สำหรับราคาหุ้นสามัญที่เสนอขายหุ้นละ 6.80 บาท ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) เท่ากับ 15.0 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลการดำเนินงานในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด (ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2565) ทั้งนี้ POLY พิจารณานำ P/E ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของคู่เทียบกลุ่มยานยนต์ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในช่วง 30-90 วันทำการ นับจากวันที่ 15 มิถุนายน 2565 ถึงวันที่ 27 ตุลาคม 2565 มาเป็นข้อมูลประกอบการเปรียบเทียบ ซึ่งมีค่าถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของ P/E อยู่ระหว่าง 22.0 - 24.7 เท่า

วันนี้ POLY ได้จัดงานโรดโชว์นำเสนอข้อมูลสรุปการเสนอขายหุ้น IPO ต่อนักลงทุนรายย่อย ชูปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของธุรกิจ และจุดเด่นของ POLY ในด้านประสบการณ์ของทีมผู้บริหารกว่า 20 ปี มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจชิ้นส่วน ยาง พลาสติก และซิลิโคน อย่างครบวงจร สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าหลักที่มีการเติบโตต่อเนื่อง ได้แก่ กลุ่มยานยนต์ (Automotive) กลุ่มเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ (Medical) และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Products) เพื่อตอบรับกระแสรักสุขภาพและรักษ์โลกขณะที่ การเติบโตอย่างยั่งยืนของรายได้ และศักยภาพการทำกำไรที่ดี สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน และเล็งเห็นโอกาสจากการระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจในครั้งนี้ ให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

นางกาญจนา เหลารัตนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร POLY เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนประมาณ 785 ล้านบาท (หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง) เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ 370 ล้านบาท ใช้สำหรับจ่ายคืนหนี้สินเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน 320 ล้านบาท และใช้สำหรับลงทุนในโครงการขยายโรงงานและลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเติม 95 ล้านบาท ตามโครงการในอนาคต เพื่อรองรับโอกาสทางธุรกิจ เพิ่มศักยภาพในการเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไป

โครงการในอนาคตของ POLY ประกอบด้วย โครงการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ (พลาสติก) ในอาคารผลิต โรงงานที่ 1 สนับสนุนกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 550 ตันต่อปี (เพิ่มขึ้นประมาณ 16.6% จากกำลังการผลิตทั้งหมดในปี 2564) แบ่งเป็น ค่าปรับปรุงบริเวณสายการผลิต ค่าระบบสาธารณูปโภค 19.5 ล้านบาท และเครื่องจักรผลิตตั้งแต่ 250 ตันถึง 650 ตัน จำนวน 11 เครื่อง เครื่องมืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง รวม 124.1 ล้านบาท ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ IRR 19% คาดจำนวนปีที่คืนทุน ประมาณ 5 ปี

ทั้งนี้ ปัจจุบัน POLY มีโรงงาน 2 แห่ง อยู่ที่ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ณ สิ้นปี 2564 กำลังการผลิต 2 โรงงาน รวมประมาณ 3,300 ตันต่อปี อัตราการใช้กำลังการผลิตรวมประมาณ 60% ขณะที่ไตรมาส 2/2565 อัตราการใช้กำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 70%

ด้วยกลยุทธ์ ของ POLY มุ่งเน้นเรื่องคุณภาพของสินค้าและบริการ รวมถึงการคิดค้นนวัตกรรมการผลิตใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มความสามารถในการทำกำไร จึงตั้งเป้ามีสัดส่วนรายได้จาก 3 ธุรกิจหลัก ในสัดส่วนเท่าๆ กัน โดยจะลดสัดส่วนรายได้จากกลุ่มยานยนต์ (Automotive) ให้ต่ำกว่า 50% ภายในระยะเวลา 1-2 ปี โดยไม่ลดปริมาณรายได้จากการขาย และตั้งเป้าให้สัดส่วนรายได้จากการขายในกลุ่มเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ (Medical) และสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Products) มีสัดส่วนใกล้เคียงกันภายในระยะเวลา 3-5 ปีจากนี้ นอกจากนี้ เตรียมพร้อมสำหรับขยายไปยังอุตสาหกรรมที่เป็นโอกาสที่มีความยั่งยืน

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562-2564) บริษัทมีรายได้รวม 581.7 ล้านบาท 523.2 ล้านบาท และ 787.1 ล้านบาท ตามลำดับ เนื่องจากการขยายธุรกิจเข้าสู่กลุ่มอุปกรณ์การแพทย์และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง และปรับกลยุทธ์ในด้านกำลังการผลิตใหม่ ส่งผลให้กำไรสุทธิอยู่ที่ 13.1 ล้านบาท 21.8 ล้านบาท และ 120.9 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์และอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้น รวมทั้ง การใช้กำลังการผลิตโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากปีก่อน มีอัตราส่วนกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 17.7% 19.2% และ 28.3% อัตรากำไรสุทธิ 2.3% 4.2% และ 15.4% ตามลำดับ

ด้านผลประกอบการงวดครึ่งปีแรกของปี 2565 รายได้รวมอยู่ที่ 527 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% กำไรสุทธิอยู่ที่ 78.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.9% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
#3365

ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดลบในวันนี้ หลังจากเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขของจีนยืนยันว่า จีนจะยังคงยึดมั่นในนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Covid Zero Policy)

ทั้งนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดที่ 3,062.86 จุด ลดลง 7.94 จุด หรือ -0.25%

นายหู เซียง เจ้าหน้าที่ของสำนักงานป้องกันและควบคุมโรคของคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (NHC) เปิดเผยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (5 พ.ย.) ว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วประเทศทำให้จีนยังคงต้องยึดมั่นต่อนโยบายโควิดเป็นศูนย์ และยังกล่าวด้วยว่าการใช้นโยบายดังกล่าวได้รับการพิสูจน์แล้วว่าคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพมากที่สุด

ถ้อยแถลงของนายหู ถือเป็นการดับความฝันของนักลงทุน หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า จีนจะผ่อนคลายนโยบายโควิดเป็นศูนย์ และอาจจะทำการเปิดประเทศในเดือนมี.ค. 2566


ภาวะตลาดหุ้นฮ่องกงฮั่งเส็งเปิดลบ 129.35 จุด หวั่นจีนเดินหน้านโยบายซีโร่โควิด

ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดลบในวันนี้ หลังจากเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขของจีนยืนยันว่า จีนจะยังคงยึดมั่นในนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Covid Zero Policy) ซึ่งเป็นการดับความหวังของนักลงทุนที่คาดว่าจีนจะผ่อนคลายนโยบายดังกล่าวและเริ่มเปิดประเทศ

ทั้งนี้ ดัชนีฮั่งเส็งเปิดที่ 16,031.79 จุด ลดลง 129.35 จุด หรือ -0.80%

นายหู เซียง เจ้าหน้าที่ของสำนักงานป้องกันและควบคุมโรคของคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (NHC) เปิดเผยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (5 พ.ย.) ว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วประเทศทำให้จีนยังคงต้องยึดมั่นต่อนโยบายโควิดเป็นศูนย์ และยังกล่าวด้วยว่าการใช้นโยบายดังกล่าวได้รับการพิสูจน์แล้วว่าคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพมากที่สุด

ถ้อยแถลงของนายหู ถือเป็นการดับความฝันของนักลงทุน หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า จีนจะผ่อนคลายนโยบายโควิดเป็นศูนย์ และอาจจะทำการเปิดประเทศในเดือนมี.ค. 2566

 
#3366
ฉีดลดกราม สถานพยาบาล เป็นคลินิกเวชกรรมเฉพาะทางด้านศัลยศาสตร์ตกแต่ง ที่ได้รับ ฉีดลดกราม การรับรองคุณภาพให้เป็นสถานพยาบาลที่ตามมาตรฐานทางด้านการแพทย์ ฉีดลดกราม ที่มีห้องผ่าตัดขนาดใหญ่เสมอกันโรงพยาบาลโดยกระทรวงสาธารณสุข เปิดให้บริการด้านศัลยกรรมตกแต่งโดยหมอ จบบอร์ดเฉพาะทาง แล้วก็ เสริมความงาม ด้านผิวพรรณ ภายใต้การดูแลโดย พันตรีแพทย์ ธีรภัทร์ ดวงใจประสาท คุณครูหมอ ฉีดลดกราม เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง มีความมุ่งมั่นให้บริการทุกท่าน
#3367
ไฟเบอร์ดื่มง่าย พวกเราคือช่วยทำให้คุณฟื้นฟูสุขภาพและชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของคุณ เพียงเล็กน้อย ที่ Plantiful พวกเราเน้นที่การใช้ ส่วนประกอบที่คุณวางใจได้รวมทั้งได้รับ การส่งเสริม จากวิทยาศาสตร์ พวกเรามั่นใจว่าสุขภาพเป็นความมั่งคั่งสูงสุด ไฟเบอร์ดื่มง่าย และจุดมุ่งหมายของ ไฟเบอร์ดื่มง่าย ของกินของเราเน้นย้ำที่อาหารจริงจากแหล่งพืชที่ไม่ผ่านการกลั่น ไฟเบอร์ดื่มง่าย และก็ผ่านแนวทางการ
#3368
SMT ท็อปฟอร์ม Q3/65 กำไรทำสถิตินิวไฮ อยู่ที่ 103 ลบ.พุ่งกว่า 83% เปิดแผนปี 66 ลุยตลาดยุโรป-เอเชีย ปั้นยอดขายสู่ 4,000 ลบ. เติบโต 30%

บมจ.สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) หรือ SMT ผลงาน Q3/65 ท็อปฟอร์ม กำไรนิวไฮต่อเนื่อง อยู่ที่ 103.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 83.01 ส่วนแนวโน้ม Q4 ยังคงทะยานต่อ พร้อมเปิดแผนปี 2566 ปั้นยอดขายกว่า 4,000 ลบ. เติบโต 30% จากศักยภาพขยายตลาดในยุโรปและเอเชีย เพิ่มยอดขายเติบโตในระยะยาว

นายวิรัตน์ ผูกไทย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SMT เปิดเผยว่าผลประกอบการของบริษัทฯ ในงวด Q3/65 มีกำไรสุทธิ 103.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.90 ล้านบาท หรือร้อยละ 83.01 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 56.49 ล้านบาท โดยบริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ BOX BUILD/PCBA, OPTICS และ IC Packaging เติบโต 160%, 29% และ 27% ตามลำดับ

"กำไร Q3/65 ทุบสถิตินิวไฮ สะท้อนแผนธุรกิจและกลยุทธ์การหาลูกค้าที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ เนื่องจากบริษัทขยายฐานลูกค้าและผลิตภัณฑ์มากขึ้น และบริษัทฯมีการบริหารจัดการต้นทุนตามสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม และปัญหาวัตถุดิบขาดแคลนคลี่คลายดีขึ้นเรื่อยๆ ทำให้การผลิตและส่งมอบสินค้าทำได้ดีขึ้นสามารถส่งมอบงานลูกค้าได้ตามแผน และลูกค้าใหม่จากสหรัฐอเมริกาและยุโรปเพิ่มเติม คาดผลงานในไตรมาส 4 ช่วงโค้งสุดท้ายของปียังเติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง" นายวิรัตน์ กล่าว

สำหรับแผนธุรกิจในปี 2566 บริษัทฯ ตั้งธงยอดขายกว่า 4,000 ล้านบาท หรือเติบโต 30% ขณะที่กำไรเติบโตต่อเนื่องตามยอดขาย และมีอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 20% โดยคาดว่าสินค้าทุกกลุ่มจะเติบโตในระดับเดียวกันกับที่ทำได้ในปี 2565 ได้แก่ PCBA &Box Build, Optics และ IC Packaging รวมทั้งมีโอกาสเพิ่มสินค้าใหม่จากความพร้อมของเครื่องจักรโดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม และมีศักยภาพขยายตลาดในยุโรปและเอเชีย เพิ่มยอดขายเติบโตในระยะยาว สำหรับปี 2566 ตลาดยุโรปจะเป็นตัวชูโรง เนื่องจาก SMT สามารถเจาะตลาดในกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ไซส์ใหญ่ได้
#3372
Line : Lakkana99 , 0812079977
เบอร์ติดต่อ : 081-6428557 (คุณสมนึก) , 081-6428556 (คุณลักขณา)
เรียบเรียงบทความโดย : https://www.cctgroup.co.th
#3373

KLINIQ ปิดเทรดวันแรกอยู่ที่ 41.50 บาท เพิ่มขึ้น 17.00 บาท (%+69.39) สูงจาก IPO 24.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 5,563.35 ล้านบาท จากราคาเปิด 36.00 บาท ราคาสูงสุด 41.50 บาท ราคาต่ำสุด 35.50 บาท

บล.โกลเบล็ก ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บมจ.เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม (KLINIQ) มีราคาเหมาะสม Consensus 30-34 บาท โดย ราคา IPO อยู่ที่ 24.50 บาท

บริษัท ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านผิวหนัง ความงาม ศัลยกรรมตกแต่งและการดูแลป้องกันฟื้นฟูสุขภาพแบบองค์รวมที่ทันสมัยตามหลักการแพทย์ ได้แก่ การให้บริการด้านการรักษาโรคผิวหนัง ผิวพรรณความงาม ลดน้ำหนัก ดูแลรูปร่าง ศัลยกรรม Wellness และฟื้นฟูสุขภาพ ภายใต้แบรนด์ "เดอะคลีนิกค์" ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 บริษัทมีสาขารวมทั้งสิ้น 39 สาขา ครอบคลุม 15 จังหวัด

ผลประกอบการในปี 62-64 และงวด 6M65 บริษัท มีรายได้จากการขายและการให้บริการรักษาพยาบาล จำนวน 975.8 ลบ. 1,000.6 ลบ. 949.9 ลบ.และ 714.7 ลบ. ตามลำดับ ปี 64 รายได้ -5%YoY สาเหตุหลักมาจากผลกระทบจาก Covid-19 ที่รุนแรงกว่าปีก่อน ภาครัฐดำเนินมาตรการการควบคุมที่เข้มงวดขึ้น สั่งปิดสถานเสริมความงามในเขตกรุงเทพและปริมณฑล

สำหรับงวด 6M65 รายได้ +58%YoY จากมาตรการการควบคุมของภาครัฐผ่อนคลายลง ทำให้ลูกค้าสามารถมารับบริการได้เป็นปกติบริษัทมี %GPM เท่ากับ 57.9% 59.4% 58.8% และ 57.2% ตามลำดับ ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 115.47 ลบ. 144.69 ลบ. 129.25 ลบ. และ 100.22 ลบ. ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 11.66% 14.34% 13.57% และ13.97% ตามลำดับ

KLINIQ เสนอขายหุ้นจำนวน 60 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 27.27 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ราคา Par 0.50 บาท คิดเป็น P/E เสนอขาย เท่ากับ 31.78x เทียบ P/E ธุรกิจใกล้เคียง เช่น AHC 7.04x, BCH 5.02x, BDMS 41.31x, EKH 14.05x วัตถุประสงค์การระดมทุน 1.ลงทุนในการขยายกิจการ จำนวน 300 ลบ. 2.ลงทุนในการจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์เพิ่มเติม จำนวน 650 ลบ. 3.ลงทุนในการขยายกิจการศูนย์ศัลยกรรม จำนวน 150 ลบ. 4.พัฒนาระบบ IT และระบบข้อมูลลูกค้าจำนวน 50 ลบ. 5.เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินธุรกิจของบริษัท จำนวน 270 ลบ.
#3374
     ฆอเมื่อคุณมีผลิตภัณฑ์แบรนด์สินค้าเกี่ยวกับอาหารเสริมหรือยาเพื่อจัดจำหน่าย และอยากประชาสัมพันธ์เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้ทราบจะผลิตภัณฑ์ของคุณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ดังนี้การโฆษณาจะต้องมีการควบคุม เพื่อไม่ให้ประชาสัมพันธ์เกินจริงรวมทั้งเป็นการฉ้อฉลผู้ใช้ ก็เลยมีกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการขอฆอ ขอ ฆอ ใบอนุญาตโฆษณาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ก่อนจะโปรโมทในสื่อต่างๆให้ที่รู้จักของกลุ่มเป้าหมายได้ แต่ว่าถ้าว่าผู้ครอบครองแบรนด์จำต้องขอฆอเอง จะใช้เวลานาน และก็มีจัดเตรียมเอกสารที่ยุ่งยาก ด้วยเหตุนี้ใช้บริการของบริษัทที่มีคณะทำงานมืออาชีพจะช่วยลดเวลา ลดขั้นตอนรวมทั้งทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างรวดเร็วทันใจ



ติดตามเราได้ที่เว็บไซต์ ฆอ www.ฆอ.com

     คุณจะได้รับประโยชน์ดีๆจากการใช้บริการบริษัทยื่นขอฆอ ดังนี้

     1.มีบริการครบวงจร

     การยื่นใบขอฆอนั้น ต้องเริ่มต้นตั้งแต่การคิดวิเคราะห์ เลือกคำและการใช้ประโยคที่บ่งบอกถึงลักษณะเด่นของผลิตภัณฑ์ แต่ว่าต้องไม่ผิดนิติศาสตร์รวมทั้งกฎระเบียบต่างๆซึ่งแนวทางการสำหรับการขอฆอ ขอ ฆอ ใบอนุญาตโฆษณา มีขั้นตอนที่ซับซ้อน ทั้งการเตรียมเอกสารเกี่ยวกับสินค้ารวมทั้งรายละเอียดโฆษณา ถ้าเกิดคุณมาที่นี่ เรามีคณะทำงานผู้ชำนาญที่ทำงานให้ท่านทุกขั้นตอน ตั้งแต่ต้นกระทั่งจบ

     2.ทำรายละเอียดประชาสัมพันธ์ให้ฟรี

     พวกเรามีความเข้าใจเกี่ยวกับด้านการตลาดรวมทั้งประชาสัมพันธ์โดยเฉพาะทำให้เข้าใจถึงคุณลักษณะเด่นของสินค้า โดยไม่ทำให้เกิดผลกระทบถึงกฎเกณฑ์ในการใช้คำโฆษณาชวนเชื่อเพื่อได้เอกสารสิทธิ์ที่ไม่ผิดกฎหมาย

     3.บริการตรวจเอกสารสำหรับเพื่อการยื่นให้ฟรี

     เมื่อคุณมาใช้บริการตรงนี้ พวกเรามีทีมงานสำหรับในการช่วยตรวจเอกสารให้ครบก่อนจะยื่นขอฆอ ซึ่งช่วงเวลาสำหรับเพื่อการตรวจเอกสารเร็วทันใจและก็เก็บงำความลับของลูกค้าด้วยระบบการปกป้องข้อมูลที่ล้ำสมัย แล้วก็อัปเดตข้อมูลใหม่อยู่ตลอดทำให้ลูกค้าไว้เนื้อเชื่อใจได้ เพราะลูกค้าคือคนสำคัญของเรา

     4.เร็วได้ฆอ ขอ ฆอ ใบอนุญาตโฆษณาใน 8 วัน

     เมื่อสินค้าของคุณมีคุณภาพและก็ได้มาตรฐาน มีเอกสารรับประกันที่ถูกต้องตามกฎหมาย การขอฆอ จึงไม่ยุ่งยากรวมทั้งใช้ระยะเวลาด้านใน 8 วัน การันตีคอยรับฆอ ขอ ฆอ ใบอนุญาตโฆษณาได้เลย แต่ทั้งนี้หากว่าลูกค้ามีเอกสารไม่ครบทางเราจะขอเอกสารเพิ่มเติม ด้วยเหตุผลดังกล่าวช่วงเวลาการยื่นขอใบอนุญาตก็จะเลื่อนออกไป แม้กระนั้นทางกลุ่มที่ปรึกษาของเราจะเสนอแนะ รอดูแลแล้วก็ตรวจเอกสารลูกค้าอย่างเร่งด่วน เพื่อลูกค้าได้รับขอฆอ ขอ ฆอ ใบอนุญาตโฆษณาเร็วที่สุด

     นี่เป็นข้อดีของการเลือกใช้บริการบริษัทยื่นเรื่องขอฆอ ขอ ฆอ ใบอนุญาตโฆษณาที่มีครบวงจร มาที่เดียวคุณจะได้รับการบริการอย่างดีมีผู้เชี่ยวชาญคอยชี้แนะรวมทั้งเป็นที่ปรึกษา ซึ่งพวกเราได้รับความไว้ใจจากแบรนด์ผลิตภัณฑ์ชั้นนำระดับประเทศ เลือกบริษัท จี พลัส เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด ที่ 1 ประเด็นการขอฆอ ขอ ฆอ ใบอนุญาตโฆษณาจากคณะทำงานที่มีประสบการณ์มากยิ่งกว่า 10 ปีมีความรู้และความเข้าใจในเรื่องเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ อีกทั้งงานเอกสาร อินเตอร์เน็ต รายการทีวีเสนอแนะสินค้า สปอร์ต TVC และก็วิทยุ ซึ่งรูปแบบการโฆษณาแต่ละสื่อจะแตกต่างกัน มาตรงนี้ครบจบในที่เดียว http://www.ฆอ.com/ มั่นใจ ได้เอกสารสิทธิ์ชัวร์



ขอขอบคุณบทความ บทความ ใบอนุญาตโฆษณา www.ฆอ.com
#3375

INTUCH ดีดตัวขึ้น 5.32% หรือเพิ่มขึ้น 3.75 บาท มาที่ 74.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 432.27 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.26 น.

ขณะที่ THCOM อยู่ที่ 12.30 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง หลังจากราคาปรับลงไปที่ 11.80 บาท มูลค่าซื้อขาย 349.95 ล้านบาท

ส่วน GULF ปรับขึ้น 1.98% หรือ เพิ่มขึ้น 1.00 บาท มาที่ 51.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 221.29 ล้านบาท

นายพิสุทธิ์ งามวิจิตรวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย เผยว่าราคาหุ้น บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) พุ่งขึ้นจากคาดการณ์ว่าบริษัทจะจ่ายเงินปันผลพิเศษหลังจากขายหุ้น บมจ.ไทยคม (THCOM) ทั้ง 41.13% ทำให้อัตราปันผลเพิ่มขึ้นมา 1.92% จากเดิม 4% โดยให้ราคาเป้าหมาย 81.84 บาท

ส่วนราคา THCOM ปรับลงมาในช่วงแรก เพราะราคาตลาดสูงกว่าราคาเทนเดอร์ออฟเฟอร์ที่ 9.92 บาท โดยปรับคำแนะนำจาก Neutral เป็น Underperform ยังมีความไม่แน่นอนว่าจะออกจากตลาดหลักทรัพย์หรือไม่

อนึ่ง INTUCH แจ้งว่า จากการขาย THCOM จะทำให้ได้รับเงินสดเป็นเงินประมาณ 4,472.64 ล้านบาท และบริษัทไม่มีภาระภาษีจากกำไรการขายหุ้น THCOM ครั้งนี้ เนื่องจากบริษัทมีผลขาดทุนสะสมทางภาษีอยู่ ทั้งนี้ บริษัทจะพิจารณามาจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท

บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ เข้าซื้อหุ้น บมจ.ไทยคม (THCOM) จาก บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) ทั้งหมด 41% ที่ราคา 9.92 บาท/หุ้น และเตรียมทำ tender offer หุ้นที่เหลือของ THCOM อีก 59% ที่ราคาเดียวกัน ทั้งนี้วันทำรายการยังไม่กำหนด

บล.ดาโอ มีมุมมองเป็นกลางต่อ GULF สำหรับดีลดังกล่าว ทั้งนี้หาก GULF สามารถซื้อหุ้น THCOM ได้ทั้งหมด 100% ดีลจะมีมูลค่ารวมราว 1.09 หมื่นล้านบาท โดยหากใช้เงินทุนหมุนเวียนทั้งหมดจะมี upside ต่อประมาณการกำไรปกติของ GULF ปี 2023E-24E ราว 2% แต่หากใช้เงินกู้ในการ funding ทั้งหมด ดอกเบี้ยจ่ายจะหักล้างกำไรของ THCOM (อิงประมาณการ consensus กำไร THCOM 300-400 ล้านบาท) ทำให้ไม่มีผลต่อกำไรของ GULF ในระยะสั้นอย่างมีนัยสำคัญ

เราเชื่อว่าการจัดโครงสร้างผู้ถือหุ้นใน THCOM ใหม่ เพื่อให้บริษัทสามารถเข้าประมูลวงโคจรดาวเทียมใหม่ในฐานะบริษัทคนไทยอย่างเต็มตัว ในขณะที่ราคาซื้อ THCOM มี discount จากราคาตลาดและ consensus อยู่ 10-20% ซึ่งหากคิดเป็น gap contribution per share ของ GULF จะอยู่ที่ 1-2 บาท/หุ้น เบื้องต้น GULF เรายังคงคำแนะนำ "ถือ" ราคาเป้าหมาย 50.00 บาท อิง SOTP