• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บ.
 

poker online

ปูนปั้น

8 สิ่งที่ได้รู้ จากการเป็นลูกจ้างมาครึ่งชีวิต

Started by Jessicas, April 06, 2023, 02:33:00 PM

Previous topic - Next topic

Jessicas

1. เพราะเหตุว่าเราไม่ได้เกิดมาเพื่อปฏิบัติงานอย่ างเดียว

พวกเราไม่ได้ปฏิบัติงานแล้วแฮปปี้ทุกวัน หลายทีที่เรากลับไปบ้ า นแล้วอย ากจะลาออกมันซะเดี๋ยวนั้น แม้กระนั้นหากพวกเรามีเป้าหมายอื่นๆในชีวิต เป็นต้นว่า วิ่งมาราธอน, ปลูกต้นไม้ และยังรวมไปถึงต่อ ป.โท

การเปลี่ยนโหมดมาทำเรื่องที่เราชอบจะมีผลให้อารมณ์ดีขึ้น และ เพิ่มความมั่นใจและความเชื่อมั่น เพราะเหตุว่าการเฟลจากที่ดำเนินงานส่วนมากมักทำให้เราท้อแท้ใจ รวมทั้งขาดความเชื่อมั่นในตนเองในตัวเอง ส่วนตัวสำหรับเรามันส่งผลถึงการเข้าสังคม การตัดสินใจในเรื่องงาน และก็ อีกเยอะมาก


ยกตัวอย่ าง... มีเพื่อนคนนึงชอบตัดเย็บเสื้อผ้ามาก เป็นจริงเป็นจังขนาดลงคอร์สเรียนเส า ร ์อาทิตย์ ตอนนี้ดำเนินการประจำไปด้วย ตัดเสื้อผ้าขายไปด้วย จนบัดนี้เปิดร้านขายออนไลน์สร้างเป็นอาชีพเสิรมที่มีรายได้มากยิ่งกว่างานประจำไปละ

2. หัวหน้าก็คนนะ.. ทราบยัง

สำหรับมนุษย์เงินเดือนตัวจ้อยอย่ างพวกเรา สิ่งที่พวกเรายำเกรงที่สุดในสถานที่ทำงานก็คงหนีไม่พ้นนายจ้าง ผู้ที่เป็นหัวหน้างานเองก็มีนิสัยแตกต่างกันไป อย่ างตัวเราเคยพบในขณะที่แบบขึ้นชื่อว่าโ ห ด สุดๆทำงานมาก ไปจนถึงวันๆไม่ทำการทำงาน รอสั่งคนโน่นคราวคนนี้คราว แต่พอได้มองดูดีๆพวกเราก็พบว่า เฮ้ย หัวหน้าก็คนนี่หว่า

แต่ว่าคนๆนี้มันจะมาบ่นว่าขี้เกียจคร้านตื่น หรือโดนนายสั่งงานเยอะมิได้ไง เพราะอะไรน่ะเหรอ นอกเหนือจากการที่จะโดนหัวหน้าของเค้าเองเหม็นหน้าแล้ว ลูกน้องก็ยังจะไม่ให้ความนับถือด้วย หนำซ้ำบางทีอาจจะระรานกันเสียระบบการปกครองทั้งทีม


ถ้าให้ชี้แนะก็อย ากจะพูดว่าพย าย ามเข้าใจเค้าดีกว่าว่าเค้าก็เป็นมนุษย์อย่ างเราๆนี่แหละ เป็นคนดีบ้ า งคนไม่ดีบ้ า ง นิสัยก็แตกต่างบ้ า งเป็นเรื่องปกติ อย่ าเห็นว่าพวกเรากับเค้าอยู่คนละขั้วกัน อย ากให้มองดูในมุมที่ว่าถ้าหากเราไม่ทำงานให้เค้า เค้าจะเอางานที่แห่งไหนไปส่งละ จริงๆหัวหน้าเลิกงานก็อย ากกลับบ้ า นไปพบครอบครัว

ไม่ได้อย ากอยู่ดึกดื่นๆให้คนที่บ้ า นเป็นห่วงหรอก เวลาว่างก็มิได้อย ากดำเนินงาน ก็อย ากไปเที่ยวเช่นกันนั่นแหละ แต่ว่าเพียงแค่ออกหน้าพูดมากแบบพวกเราไม่ได้ ตำแหน่งมันค้ำคอ ลองนึกภาพ

แค่เรานำเสนองานกับหัวหน้าก็เกร็งจะแ ย่ นี่เค้าจำต้องเอางานพวกเราไปเสนอกับหัวหน้าฝ่าย หรือ CEO ลูกน้องคนใดกันแน่ที่ช่วยแบ่งเบาภาระเค้าได้เยอะ เค้าก็จะรักคนนั้นเป็นปกติ

3. อย่ าเชื่อมั่นในตัวเองเกินไปในโลกอินเตอร์เน็ต

คนไม่ใช่น้อยมั่นใจว่าโลกโซเชียลเป็นหลักที่ส่วนตัว จะโ พ ส ต์ อะไรมันก็สิทธิ์ของพวกเรา แต่ทราบรึเปล่าว่า HR ปัจจุบันนี้นอกเหนือจากที่จะดู resume พวกเราแล้ว ยังดูเ ฟ ส บุ ค ของพวกเราด้วย เพื่อนพ้องพวกเราที่เป็น HR รับรองมาว่า Social media บอกความเป็นตัวตนที่จริงจริงของพวกเราได้มากกว่า Resume เป็นสิบเท่า มองเห็นไหมว่าตัวตนบนโลกออนไลน์

ของเรานั้นมีผลกับเราตั้งแต่ก่อนเข้างานซะอีก เมื่อพวกเราเป็นพนักงานประจำเต็มตัว เรื่องพวกนี้ยิ่งต้องระมัดระวัง อย่ างพวกเราเป็นไม่สัมผัสเฟสบุ้คเลย หรือถ้าหากจะโ พ ส ต์ /แ ช ร์อะไร ก็คิดแล้วว่าถ้าหากหัวหน้ามาเห็นก็ช่างเถิด


ถ้าเกิดอย ากมีพื้นที่ส่วนตัวจริงๆเสนอแนะให้แยกเฟสสถานที่สำหรับทำงาน กับ เฟสส่วนตัวเลย แล้วปิดสาธารณพด้วย เนื่องจาก ส่วนมากคนในสถานที่สำหรับทำงานเค้าก็ขอแอดกันอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องดราม่าในสถานที่ทำงาน คนนั้นคนนี้ เบื่องาน หัวหน้างั่ง ห้ามโ พ ส ต์ เด็ดขาด โ พ ส ต์ ปุ้บมีคนแคปปั้บแน่ๆ...!! เตือนแล้วนะ

4. โฟกัสที่ลู่วิ่งของพวกเรา พึงพอใจ เอาใจใส่ แม้กระนั้น... อย่ าเก็บทางวิ่งคนอื่นมาอิจฉา

ตอนปีมานี้ เพื่อนฝูงพวกเราหลายท่านเริ่มเรียนต่อ สร้างครอบครัว บางบุคคลเปลี่ยนงานไปงานที่เงินเดือนสูงสุดๆบางคนเริ่มธุรกิจของตัวเอง บางครั้งพวกเราเลื่อนดูหน้าเฟสแล้วก็แอบคิดนะว่า เฮ้ย...!! คนนั้นคนนี้ได้ดิบได้ดี แล้วตัวเราล่ะทำอะไรอยู่ แต่ว่าบอกเลยว่าชีวิตพวกเขาก็มิได้ดีมากกว่าพวกเราหรอกเผลอๆเพื่อนผู้คนจำนวนมากบางครั้งก็อาจจะกำลังอิจฉาริษยาชีวิตเราอยู่ก็ได้

เคยมีคนเดินมาบอกเราว่าแหม ชีวิตดีจังนะ... คือตัวเราเองก็ไม่ได้คิดเลยว่าชีวิตพวกเราดี สิ่งที่พวกเราคัดกรองโ พ ส ต์ ลงโซเชียลนั่นแหละที่ดี ต้องจดจำไว้ว่าอย่ าเอาจังหวะชีวิตของเราไปเปรียบเทียบกับผู้อื่น

จุดโฟกัสที่ทางวิ่งของเรา ทราบดีว่าพวกเรากำลังจะทำอะไร ทราบดีว่าจุดหมายปลายทางพวกเราอยากอะไร ทราบดีว่าวันนี้เราประพฤติดีกว่าเมื่อวานแล้วหรือยัง ก็พอเพียงแล้ว แอบดูลู่วิ่งบุคคลอื่นบ้ า งเป็นบางครั้ง เพื่อเป็นแรงก ร ะ ตุ้ น ให้เราเอาจริงเอาจังกับชีวิตเยอะขึ้นเรื่อยๆ แม้กระนั้นอย่ าเก็บมาเอาใจใส่กระทั่งกลัดกลุ้มพอเพียง

5. เล่นการเมืองกับทุกคน

เดี๋ยวก่อน...!! อย่ าพึ่งตกใจไป.. เล่นการเมืองกับทุกคนไม่ได้แปลว่า ให้เราไม่ต้องจิรงใจกับคนไหนกันแน่ แม้กระนั้น... แปลว่า " พวกเราไม่ฝักใฝ่ข้างใด " อย่ างที่รู้กันว่าในออฟฟิศหลายๆที่

มีการเล่นพวก หรืออยู่ๆก็จะมีเสียงแว่วมาว่า คนนี้เด็กคนนั้น ซึ่งจากการเฝ้าสังเกตุมาเป็นระยะเวลา 3 ปี พบว่าคนที่เล่นการเมือง (มากมายๆ) จำนวนมากไม่มีความสุข ยิ่งพวกที่ตำแหน่งโตๆแต่ว่าเล่นเค้าไว้เยอะนี่ห้ามเสียท่าเลยจ๊า มีคนรอคอยซ้ำเยอะเลย


" เล่นการเมืองกับทุกคน " ในความหมายนี่คือ... การที่พวกเราดูว่าคนนี้เป็นคนยังไง จะเข้ากับเขาได้อย่ างไร ไม่ได้พูดว่าให้สตอเบอร์ปรี่ หรือ ฝ่าฝืนตัวเอง แต่... แต่ละคนเขาก็มีพื้นฐานนิสัย ความชอบ

โตมาในสังคมที่แตกต่างกัน การที่พวกเราดูแล้วรู้ว่าจะ " อยู่ร่วมกับเขาแบบเป็นมิตร " ได้อย่ างไรจะมีผลให้พวกเราเป็นต่อมากมายๆเว้นเสียแต่วางตัวง่ายแล้ว เราจะไม่มีศั ต รู เคสนี้รวมถึงบางคนที่ดูแล้วไม่ถูกจริตกัน

การวางตัวกับเขาก็คือเฉยๆทักสวัสดีตามมารย าท ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปคุยก็ไม่ต้องคุย... เราไม่เคยทราบหรอกว่าวันนึงโลกจะเหวี่ยงพวกเราเข้าไปดำเนินการกับคนไหน เพราะฉะนั้น อย่ าสร้างศั ต รู เด็ดขาด ถึงมิได้ร่วมงานกันในบริษัทนี้ แม้กระนั้นในอนาคต บางทีอาจได้โครจรมาร่วมงานกันในที่ใหม่ๆก็ได้

6. โดนด่าวันนี้ ดีกว่าโดนดุตอนอายุ 50

เนื่องจากว่าอายุยังน้อย ความมุ่งมาดจากคนที่อยู่รอบข้างมันเลยน้อยตามไปด้วย ถึงพวกเราจะรู้สึกกดดันสำหรับเพื่อการปฏิบัติงานสุดๆแต่ว่าเชื่อเถอะ พวกเราล้มเหลววันนี้ ดีมากยิ่งกว่าพวกเราไปล้มตอนอายุ 50 พี่ๆที่เขาอยู่จนกระทั่ง 50-60 ก็ผ่านระยะเวลาแบบเรามาแล้ว

สิ่งที่อย ากจะแนะนำคือ.. ใช้เวลานี้ให้คุ้มค่า เราไม่ได้อายุ 20 กว่าๆตลอดไป อย ากทำอะไรทำ อย าคำอธิบายมอะไรโ ง่ๆก็ให้รีบถาม พรีเซ้นแล้วมันห่วยก็พรีเซ้นไปเรื่อยๆฝึกฝนไปเรื่อยๆโดนดุช่วงนี้

เ จ็ บ น้อยกว่าโดนดุด่าตอนอายุ 50 เยอะ ถึงจะบกพร่อง ด้วยความยังเด็ก และ อ่อนประสบการณ์ คนส่วนมากพร้อมจะยกโทษพวกเราเสมอ ดังนั้น ล้มเหลวเป็นจำนวนมากเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์

วามแตกต่างระหว่าง " เพื่อนพ้อง " กับ " สหายร่วมงาน " เป็นอย่างไร ที่เค้ากล่าวว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนฝูงย ากก็คงจริง สมัยประถม การหาเพื่อนใหม่ไม่ย ากเท่ายุคมัธยม แล้วก็การหาเพื่อนฝูงในยุคมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันมีความหมายว่ายิ่งพวกเราโตขึ้นมากแค่ไหน พวกเราจะหาสหายย ากขึ้นเท่านั้น และไม่ต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนแท้จริงใจคนนึงในที่ทำงานมันย ากเพียงใด


นอกเหนือจากที่จะมีเรื่องมีราวผลตอบแทน ทั้งตำแหน่ง เงินเดือน การประเมิน เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของผู้คนเงินเดือนอย่ างพวกเราเป็นไปปฏิบัติงาน มิได้ไปทำกิจกรรมสานสโมสรหาเพื่อนฝูง เพราะฉะนั้นวันๆพวกเราจึงจะพบเพียงแค่เพื่อนพ้องร่วมกลุ่ม ซึ่งโดยมากและจากนั้นก็เป็นการคุยกันเพียงแค่เรื่องงานเพียงแค่นั้น

พวกเราโชคดีที่เจอทีมที่ดี คุยได้ทั้งเรื่องส่วนบุคคลแล้วก็เรื่องงาน พูดได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน และเพื่อนร่วมงานในคราวเดียวกัน การมีกลุ่มที่อยู่ด้วยแล้ววางใจอย่างนี้ พวกเรามีความรู้สึกว่ามันคือกำไรชีวิต พย าย ามหาคนกลุ่มนี้ให้พบในสังคมการทำงาน แล้วเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดนึงก็ยังดี ) ไม่มีความจำเป็นที่ต้องอยู่กลุ่มเดียวกันก็ได้ เพียงแค่ได้พบเจอ

สนทนาเปลี่ยนความเซ็งก็ดีแล้ว ให้พวกเราลองถามตนเองว่า "ถ้าเราลาออกจากที่นี่ พวกเรายังจะอย ากนัดหมายคนนี้กินข้าวอยู่ไหม" ถ้าเกิดคำตอบคือใช่ ยินดีด้วย คุณพบเพื่อนฝูงจริงๆในที่ทำงานแล้ว

7. หาคนที่เป็นมากกว่า " เพื่อนผู้ร่วมการทำงาน " ให้เจอ แล้วจะอย ากไปทำงานมากขึ้น

ความแตกต่างระหว่าง " เพื่อน " กับ " เพื่อนร่วมงาน " เป็นยังไง ที่เค้ากล่าวว่ายิ่งโต ยิ่งหาสหายย ากก็น่าจะจริง ยุคประถม การหาเพื่อนพ้องใหม่ไม่ย ากเท่ายุคมัธยม และการหาสหายในยุคมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันแสดงว่ายิ่งเราโตขึ้นเยอะแค่ไหน เราจะหาเพื่อนฝูงย ากขึ้นเท่านั้น

และไม่ต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนพ้องที่จริงดวงใจคนนึงในสถานที่ทำงานมันย ากเพียงใด นอกจากจะมีเรื่องมีราวผลตอบแทน อีกทั้งตำแหน่ง เงินเดือน การคาดการณ์ เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของผู้คนค่าจ้างรายเดือนอย่ างพวกเราเป็นไปทำงาน ไม่ได้ไปทำกิจกรรมสานชมรมหาเพื่อนพ้อง ด้วยเหตุดังกล่าววันๆพวกเราก็เลยจะเจอเพียงแค่เพื่อนร่วมทีม ซึ่งส่วนมากแล้วหลังจากนั้นก็เป็นการคุยกันเพียงแค่เรื่องงานแค่นั้น

เราโชคดีที่พบทีมที่ดี คุยได้อีกทั้งเรื่องส่วนบุคคลและก็เรื่องงาน กล่าวได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน แล้วก็เพื่อนผู้ร่วมการทำงานในครั้งเดียวกัน การมีทีมที่อยู่ด้วยแล้วสนิทใจแบบนี้ พวกเรารู้สึกว่ามันคือผลกำไรชีวิต

พย าย ามหาคนกลุ่มนี้ให้พบในสังคมการทำงาน แล้วพวกเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดหนึ่งก็ยังดี ) ไม่จำเป็นต้องอยู่ทีมเดียวกันก็ได้ แค่ได้พบเจอ เสวนาเปลี่ยนความเซ็งก็ดีแล้ว ให้เราทดลองถามตัวเองว่า "ถ้าหากพวกเราลาออกจากที่นี่ พวกเรายังจะอย ากนัดหมายคนนี้รับประทานข้าวอยู่ไหม" ถ้าคำตอบเป็นใช่ ยินดีด้วย คุณเจอเพื่อนฝูงจริงๆในสถานที่ทำงานแล้ว

8. ควรเป็น " ลูกจ้างมืออาชีพ "

สรุปสั้นๆตามหัวข้อเลย ถ้าหากอย ากประสบความสำเร็จ และก็ เป็นสุข ต้องเป็น " ผู้รับจ้างมืออาชีพ " ให้ได้ กล่าวง่ายแต่ว่าทำย ากนะ เพราะว่าผู้รับจ้างมืออาชีพก็คือคนที่ใส่ใจได้ว่า " เราถูกจ้างมาด้วยเงินเดือนจำนวนหนึ่ง " นั่นหมายความว่าบริษัทเค้าอยากได้อะไรบางอย่ างจากพวกเราแลกเปลี่ยนกับค่าแรงนั้นๆ

พวกเราต้องทราบว่าบริษัทจ้างเรามาทำอะไร และ ทำมันให้ดีกว่าที่บริษัทมุ่งหวังหากต้องการความรุ่งโรจน์ในหน้าที่ ถ้าหากงานที่ทำอยู่มีความรู้สึกว่าไม่ตรงกับ skill หรือ passion ของพวกเรา ก็ไม่ควรอดทนทำไป


น่าจะหางานที่เราทำแล้วพวกเราแฮปปี้แล้วก็ทำได้ดีเพื่อดึงประสิทธิภาพของตนออกมาให้มากที่สุด นอกเหนือจากการที่จะทำให้พวกเราเติบโตในหน่วยงานแล้ว ยังทำให้เราพัฒนาตัวเองอยู่เสมอเวลาและไม่เบื่อด้วย

เมื่อถึงจุดๆหนึ่งเราจะรู้เองว่าควรไปทางไหนต่อ รีบหาสายงานที่ถูกใจให้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้วเราจะเป็น Expert ได้เร็วกว่าผู้อื่น อายุเท่านี้ไม่ต้องกลัวการลาออก จะลาออกจำนวนกี่ครั้งก็ได้ ถ้าท้ายที่สุดเราเจอสายอาชีพที่พวกเรารักและก็อย ากทำ จะเป็นอะไรที่คุ้มค่ามากมาย

แล้วก็ด้วยคอนเซ็ปท์เดียวกัน " เราถูกว่าจ้างมาด้วยค่าตอบแทนจำนวนหนึ่ง " อย่ าทำงานมากเกินกว่าค่าแรงจนกระทั่งเกินไป ทุ่มเทได้ แม้กระนั้นจะต้องมีผลลัพธ์ที่ดีตามออกมาด้วย เช่นได้ปรับค่าจ้างรายเดือน ได้ประเมินดี

หาเวลาอยู่กับบิดามารดา ญาติๆบ้ า ง หันกลับไปดูด้านหลังบ้ า งว่าผู้ที่เป็นบันไดให้เรามายืนจุดนี้ ในช่วงเวลานี้เค้าคืออะไรกันบ้ า งนะ...? อย่ าลืมว่าบิดามารดาอายุมากขึ้นแต่ละวัน ดูแลสุ ข ภ า พ ท่านด้วย ถ้าหากเดือนไหนมีเงินเหลือก็ตรวจสุ ข ภ า พ ให้แด่ท่านแล้วหาเวลาไป มันไม่ทุกข์ยากลำบากหรอก แลกกับความสุขของพ่อแม่
ลูกจ้าง
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13457/